เกษตรอินทรีย์หรือที่เราเรียกว่าออร์แกนิค (Organic) เป็นทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพในยุคใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากเราเริ่มตระหนักเห็นถึงภัยเงียบที่แอบแฝงอยู่ในปุ๋ยเคมี สารกำจัดวัชพืชและแมลงมากมาย เหล่านี้ที่จะปะปนรวมมากับผักผลไม้โดยที่เราไม่สามารถมองเห็นได้
Credit : islandroasterscoffeecompany.com
การล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวก็ไม่ใช่จะสามารถกำจัดสารตกค้างเหล่านี้ให้หมดไป แม้พืชผักต่างๆ จะถูกเรียกว่าผักปลอดภัย ผักปลอดสารพิษ หรือผักไฮโดโปนิค เหล่านี้เป็นการเรียกชื่อตามหลักของการตลาดที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน ในกระบวนการปลูกจะยังคงมีขั้นตอนบางส่วนที่ใช้สารเคมีเป็นตัวช่วย แต่ปริมาณมากน้อยขึ้นอยู่กับกระบวนการ ดังนั้นเราจึงยังคงอยู่ในความเสี่ยงที่จะได้รับสารพิษ แม้ว่าจะน้อย แต่หากสะสมในร่างกายนานวันเข้า ย่อมกลายเป็นโทษต่อร่างกายได้
เช่นเดียวกันกับกาแฟ พืชที่ได้รับความนิยมในการเพาะปลูกไปทั่วโลก การปลูกยังคงต้องพึ่งสารเคมีในการบางกระบวนการเพื่อให้ได้ปริมาณของเมล็ดที่มากและมีขนาดมาตรฐาน ในระยะเวลาที่รวดเร็ว เป็นการเร่งเครื่องที่ช่วยให้เหล่าผู้ปลูกมีรายได้มากขึ้น โดยบางกลุ่มยังสามารถอัพเกรดเมล็ดกาแฟให้สูงขึ้นได้อีกด้วย
Credit : coffeebekery.blogspot.com
กาแฟออร์แกนิค…สู่ทางเลือกของการดูแลสุขภาพ
คุณสมบัติของกาแฟที่เราพอจะทราบกัน มีทั้งคุณและโทษ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมในการดื่มและผลิตภัณฑ์กาแฟที่เลือกดื่ม โดยทั่วไปกาแฟสดมักจะให้สารอาหารต่างๆ ได้มากกว่ากาแฟซองสำเร็จรูป ตลาดของกาแฟยังคงมีการแข่งขันที่สูงและพยายามเฟ้นหาการปลูกที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้มาซึ่งผลผลิตของเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ พร้อมสำหรับการนำไปขายให้ได้ราคาที่น่าพึงพอใจ
และด้วยกระแสของคนรักสุขภาพ คำว่า “ออร์แกนิค” กลายเป็นชื่อเรียกของอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและเป็นที่คุ้นหูสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตัวเองให้มากขึ้น ดังนั้นการเพาะปลูกกาแฟในปัจจุบันจึงเริ่มหันมาใช้ทางเลือกของเกษตรอินทรีย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสร้างรายได้แบบเฉพาะกลุ่ม มุ่งหวังให้ตลาดออร์แกนิคเติบโตได้อย่างสวยงาม
Credit : cubicocoffee.com
กาแฟออร์แกนิคที่เริ่มออกวางจำหน่าย มีปริมาณไม่มากนัก เนื่องจากผลผลิตจะลดน้อยลงเมื่อเทียบกับการเพาะปลูกกาแฟด้วยสารเคมี แต่สิ่งที่ผู้บริโภคจะได้รับก็คือความปลอดภัยและมั่นใจต่อสุขภาพ
ผลตอบรับจากผู้เพาะปลูกและผู้บริโภค
เนื่องจากการเกษตรอินทรีย์เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างใจเย็น การเพาะปลูกกาแฟออร์แกนิคก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นในกระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้น จะต้องได้รับการใส่ใจและเรียนรู้การเพาะปลูกอย่างถูกหลักเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี ซึ่งมักจะมีข้อเสียอยู่ที่ใช้เวลานาน ปัญหาของเมล็ดพันธุ์ที่ไม่สวยงามเท่ากับการใช้สารเคมี ทว่ามูลค่าของมันกลับสูงกว่า เนื่องจากเป็นการเติบโตตามธรรมชาติ เจาะกลุ่มผู้ที่รักสุขภาพได้เป็นอย่างดี ชาวสวนที่หันมาเพาะปลูกกาแฟในแนวทางนี้ก็เพราะเห็นถึงมูลค่าในการขายที่สูงกว่ากาแฟทั่วไป หลายคนจึงเปลี่ยนวิถีจากการแข่งขันแบบเดิมๆ ที่จัดอยู่ในราคามาตรฐานของตลาดมาเข้าสู่การปลูกที่ตัวเองสามารถตั้งราคาด้วยตัวเองได้มากกว่า
Credit : shelburnefallscoffee.com
ขั้นตอนการปลูกกาแฟออร์แกนิคเพื่อให้ได้คุณภาพ
การเพาะปลูกกาแฟออร์แกนิค เริ่มต้นใส่ใจกันตั้งแต่กระบวนการแรกเริ่ม การดูแลดินที่ใช้สำหรับการเพาะปลูกจะต้องมั่นใจได้ว่าไม่มีสารเคมีตกค้าง ทุกขั้นตอนจะไม่มีสารเคมีมาเกี่ยวข้อง แม้กระทั่งปุ๋ยเคมีก็จะไม่ถูกนำมาใช้ แต่จะใช้เป็นปุ๋ยชีวภาพ ไม่มีการตัดต่อสายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟ กล่าวง่ายๆ คือทุกอย่างเป็นไปตามกลไกตามธรรมชาติแบบไม่บังคับ
สิ่งที่สำคัญของการปลูกกาแฟจึงอยู่ที่สภาพของดินเป็นหลัก ชาวสวนจะต้องทำการปลูกพืชคลุมดิน มีการโรยปุ๋ยคอกและมูลสัตว์เพาะบ่มเอาไว้เพื่อให้ดินมีแร่ธาตุมากพอ จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการลงกล้ากาแฟ ผลผลิตที่ได้จะช้ากว่าการใช้สารเร่ง เมื่อถึงคราวของการเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟ เราก็จะได้กาแฟที่มีรสชาติเยี่ยม พิถีพิถันกันทุกกระบวนการจนเข้าสู่บรรจุภัณฑ์ ดีต่อสุขภาพและไร้สารเจือปน เป็นกาแฟราคาแพง มีคุณภาพสูง แต่จะได้ปริมาณที่ไม่มากนัก
Credit : sciencedaily.com
จึงไม่แปลกที่เราจะไม่ค่อยเห็นกาแฟเหล่านี้ในท้องตลาดหรือห้างสรรพสินค้าเท่าใด ส่วนคอกาแฟทั้งหลายที่ได้ลิ้มลอง เชื่อว่าจะต้องติดใจกับรสชาติ เพราะกาแฟออร์แกนิครับรองว่ามีความหอมและละมุนลิ้นมากกว่าการปลูกแบบใช้สารอีกด้วย