รสชาติที่แตกต่างกันของกาแฟคือตัวเลือกที่จะช่วยให้คอกาแฟทั้งหลายสามารถเลือกรสชาติที่ตัวเองชอบได้ถูกปากมากขึ้น เหล่านักสร้างสรรค์กาแฟจึงพยายามคิดค้นหารสชาติแปลกใหม่ที่ลงตัวขึ้นมาเพื่อให้เกิดความหลากหลาย การชงกาแฟจึงเปรียบเหมือนงานศิลปะ ในทุกหยดของการสรรค์สร้างจะต้องใส่ใจในรายละเอียดอันซับซ้อนมากมาย
Credit : theconversation.com
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขั้นตอนในการชงเสียทีเดียว แต่มันยังมีปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ อีกมากมายที่จะเป็นตัวดึงเอากลิ่นและรสชาติที่แตกต่างกันออกมา เพราะฉะนั้นใครที่ต้องการความลงตัวอย่างของรส กลิ่น ความนุ่มละมุนลิ้น หรือจะเป็นความเข้มที่ได้กลิ่นอายแบบธรรมชาติแท้ๆ จะต้องหันมาใส่ใจกับข้อมูลปลีกย่อย โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นนักชงกาแฟ จะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยภายนอกเพื่อให้ได้ความอร่อยที่สมบูรณ์แบบในขั้นตอนการชงมากที่สุดค่ะ
Credit : vk.com
เลือกชนิดของเมล็ดกาแฟได้อย่างเหมาะสม
จุดเริ่มต้นของเรื่องที่จะนำพาเหล่านักสร้างสรรค์กาแฟทั้งหลายไปค้นพบกับรสชาติอันพิถีพิถันจะต้องเริ่มจากการรู้จักเลือกชนิดของกาแฟให้เหมาะสมก่อน ซึ่งโดยทั่วไปจะมีให้เลือกด้วยกัน 2 ประเภทคือ ชนิดที่เป็นกาแฟผสม ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานระหว่างรสชาติของอาราบิก้ากับโรบัสต้า หรือจะเป็นการผสมสายพันธุ์กาแฟรสชาติต่างๆ เข้าด้วยกันตั้งแต่ 2 สายพันธุ์ขึ้นไปในสัดส่วนที่พอเหมาะ เพื่อให้เกิดความลงตัวและรสชาติที่แปลกใหม่น่าลิ้มลิง ส่วนอีกประเภทคือกาแฟชนิดอาราบิก้า 100 เปอร์เซ็นที่จะมาจากแหล่งปลูกแหล่งเดียวกัน มักเรียกว่าเป็นกาแฟแบบ Straight ซึ่งจะให้รสชาติที่คงที่ในทุกๆ เม็ด ไม่มีการเจือปนเมล็ดกาแฟจากแหล่งอื่นหรือสายพันธุ์อื่น
Credit : beckysxsworld.pixnet.net
การคั่วกับความเชี่ยวชาญ
เมื่อได้เมล็ดกาแฟที่ตรงตามประเภทที่ต้องการแล้ว ในบรรจุภัณฑ์ที่มีกลิ่นอายของกาแฟคั่วบดอยู่ ในแต่ละยี่ห้อจะมีความแตกต่างกันออกไป แม้ว่าจะเป็นแบรนด์เดียวกัน แต่ก็ยังมีการแยกจำแนกรายละเอียดในขั้นตอนการคั่วออกไปอีก มีทั้งชนิดการคั่วในระยะเวลาสั้นๆ ไปจนถึงการคั่วที่จะให้สีของเมล็ดกาแฟกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มจนถึงดำ เหล่านี้จะส่งผลต่อรสชาติของกาแฟหลังจากเอามาทำการบดแล้ว
โดยทั่วไปผู้ที่คั่วจะต้องมีความชำนาญ สามารถคั่วเมล็ดกาแฟให้อยู่ในอุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสม ในปัจจุบันจึงมีการผลิตเครื่องคั่วกาแฟที่ช่วยสร้างมาตรฐานทางด้านรสชาติขึ้นมา ควบคุมตัวแปรต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ในการคั่วมากนัก ช่วยย่นระยะเวลา และสะดวกสบายมากขึ้น ที่สำคัญยังใช้กลิ่นหอมและรสชาติที่ดีอย่างสม่ำเสมออีกด้วย
Credit : rdmag.com
ความละเอียดในขั้นตอนการบด
เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วบดแล้วคือขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะถูกนำเข้าสู่ขั้นตอนการชงให้ได้กาแฟรสชาติต่างๆ ความละเอียดในการบดของเมล็ดกาแฟมีผลต่อรสชาติที่จะเชื่อมโยงกับขั้นตอนการชงเป็นอย่างมาก เมล็ดกาแฟที่ถูกบดอย่างหยาบๆ ย่อมดึงเอารสชาติของกาแฟออกมาได้น้อยกว่าชนิดที่บดละเอียด เนื่องจากในขั้นตอนการชง น้ำร้อนที่ไหลผ่านกากกาแฟจะดันเอากลิ่น รสชาติและน้ำมันที่อยู่ภายในออกมาได้มากที่สุด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ากาแฟที่บดหยาบจะเป็นข้อเสีย ทว่ามันจะเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความขมเข้มของกาแฟมากเกินไป มันจะให้ความอ่อนของรสชาติ อีกทั้งปัจจัยว่าจะเลือกกาแฟบดหยาบหรือละเอียด ยังขึ้นอยู่กับเครื่องชงกาแฟชนิดนั้นๆ ด้วยว่าใช้เวลาในการชงมากน้อยแค่ไหน
จะเห็นได้ว่าปัจจัยแวดล้อมภายนอกล้วนมีผลต่อรสชาติของกาแฟโดยตรง ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการชงที่จะต้องความชำนาญและประสบการณ์ รวมไปถึงการเลือกซื้อชนิดของเมล็ดกาแฟคั่วบดที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้การชงได้รสชาติเป็นไปตามที่ต้องการ ถูกปาก ถูกใจ และคุ้มค่ากับความอร่อยสำหรับคอกาแฟที่รักความพิถีพิถันได้มากขึ้นค่ะ