“กาแฟสด” คือรสชาติของกาแฟที่ให้ความเป็นธรรมชาติ อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของพืชชนิดนี้ ความหอมปนขมที่ผสมผสานกัน จนกลายมาเป็นเครื่องดื่มรสเยี่ยมที่ได้รับความนิยมกันไปทั่วโลก และมันคือเครื่องดื่มที่คอกาแฟทั้งหลายจะต้องไม่พลาด คนเหล่านี้ที่หลงใหลในรสชาติอันมีเสน่ห์ยอมจ่ายเงินในราคาแพงเพื่อให้ได้มาซึ่งความอร่อยอันล้ำลึก หรือการชงที่มีรายละเอียดมากกว่าแค่การฉีกซองเทลงน้ำร้อนแล้วดื่ม
Credit : home.science.swu.ac.th
การเลือกซื้อเมล็ดกาแฟจึงเป็นสิ่งที่มีเหล่านักดื่มไม่ควรมองข้าม เมล็ดกาแฟคั่วบดที่ดีจะช่วยเพิ่มความนุ่มละมุนและให้กาแฟถ้วยโปรดของคุณพิเศษได้มากกว่าเดิม ใครที่ต้องการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟให้คุ้มค่าจะหันมาทำความเข้าใจในข้อมูลจากหลายๆ แหล่งที่ระบุเอาไว้บนผลิตภัณฑ์ที่บรรจุ ก็จะช่วยให้เราได้รสชาติที่ดีที่สุดและสมบูรณ์แบบอย่างที่ต้องการได้
ความสัมพันธ์ระหว่างเครื่องชงกับเมล็ดกาแฟคั่วบด
สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงก็คือเครื่องชงกาแฟสดแต่ละชนิด ซึ่งจะมีความแตกต่างในกระบวนการทำงานที่ไม่เหมือนกัน ในแต่ละเครื่องชงมักจะมีการระบุชนิดของเมล็ดกาแฟคั่วบดที่เหมาะสมสำหรับการนำมาใช้ ทั้งสองสิ่งนี้จึงมีความสัมพันธ์กันสำหรับการตัดสินใจเลือกซื้อเมล็ดกาแฟให้เหมาะสม โดยทั่วไปคนที่เลือกซื้อเครื่องชงที่เรียกกว่า Espresso Machine กาแฟคั่วบดที่เลือกใช้ก็ควรจะเป็นชนิด Espresso ด้วย
Credit : brew2cup.com
เมื่อเข้าสู่กระบวนการชง จะช่วยให้ระบบสามารถดึงเอารสชาติความเข้มและกลิ่นหอมของหยดกาแฟออกมาได้อย่างเต็มที่มากที่สุด เช่นเดียวกันกรณีที่เราเลือกใช้เครื่องชงประเภท Drip Coffee จะไม่เหมาะกับเมล็ดกาแฟที่ถูกคั่วบดอย่างละเอียดเช่น Espresso แต่จะเหมาะกับชนิดที่มีความหยาบในการบดเล็กน้อย ไม่ละเอียดจนเกินไป และที่สำคัญระยะเวลาในการคั่วไม่มากนัก ดังนั้นสีของเมล็ดกาแฟที่ได้จะอ่อนกว่าแบบแรก
บรรจุภัณฑ์สำหรับเมล็ดกาแฟคั่วบดต้องมีมาตรฐาน
เนื่องจากความอ่อนไหวของกลิ่นและรสชาติของเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วมาแล้ว หากทิ้งเอาไว้ในสภาพอากาศที่มีออกซิเจนและความชื้นอยู่นาน จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรสชาติและความหอมที่มักจะปะปนเอากลิ่นอื่นๆ ผสมลงไปจนทำให้เครื่องดื่มมีรสชาติที่แย่ลงได้ ยิ่งเป็นเมล็ดที่ผ่านการคั่วและบดแล้ว ยิ่งมีความอ่อนไหวสูง ดังนั้นบรรจุภัณฑ์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่จะช่วยเก็บรักษารสชาติอันนุ่มละมุนให้คงอยู่ได้นาน
Credit : youtube.com
การเลือกเมล็ดกาแฟที่ดีจึงต้องมองไปที่บรรจุภัณฑ์ด้วย โดยทั่วไปตามหลักมาตรฐานต้องถูกบรรจุสนิทอยู่ในถุงแบบพิเศษ มีฟอยล์เป็นตัวช่วยป้องกันไม่ให้เม็ดกาแฟโดนแสงแดด และจะต้องถูกผนึกจนสนิทไม่ให้อากาศภายนอกสามารถเข้าไปได้ และที่น่าสนใจไปกว่านั้นกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง เนื่องด้วยเมล็ดกาแฟที่วางอยู่ในห้างสรรพสินค้านานๆ จะมีการปล่อยก๊าซตามธรรมชาติออกมา หากไม่มีช่องระบายออก จะส่งผลให้เมล็ดกาแฟคั่วภายในเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว เราจึงควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่มีระบบการระบายอากาศแบบ “One Way Vale” หรือการระบายที่สามารถบีบเอาอากาศในถุงออกมาได้ แต่ปิดกั้นอากาศจากภายนอก
Credit : gettyimages.co.uk
ตรวจสอบฉลากของเมล็ดกาแฟคั่วบดให้แน่ใจก่อน
ขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อเมล็ดกาแฟคั่วบด ควรดูที่ฉลากของห่อด้วยว่าเป็นเมล็ดกาแฟชนิดไหน ดังที่กล่าวไปว่าควรให้มีความเหมาะสมกับชนิดของเครื่องชง ดูวันที่ผลิต แหล่งผลิต ปริมาณของเมล็ดกาแฟ และดูรูปแบบถุงด้วยว่ามีมาตรฐานการบรรจุหีบห่อที่ดีพอหรือไม่
ทั้งนี้แหล่งของการเลือกซื้อกาแฟที่ดี อาจจะไม่ใช่ในห้างสรรพสินค้าเสมอไป เพราะมันปะปนไปด้วยกลิ่นแปลกปลอมต่างๆ มากมายที่อาจจะเข้าไปทำลายความหอมของกาแฟในถุงได้ หากไม่เป็นการยุ่งยากเกินไป เลือกซื้อเมล็ดกาแฟคั่วที่ยังไม่ผ่านการบด มาลงมือทำด้วยตัวเองผ่านเครื่องบดที่บ้าน บดในปริมาณน้อยสำหรับดื่มให้หมดใน 1-2 วัน เพื่อคงรสชาติของกาแฟเอาไว้ให้คงที่เสมอนั่นเอง
เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถเลือกซื้อเมล็ดกาแฟคั่วบดที่มีคุณภาพได้มาตรฐานตามที่ต้องการ พร้อมสำหรับการชงที่จะให้รสชาติอร่อยลงตัวได้ตามต้องการ แต่อย่าลืมหัวใจสำคัญสุดท้ายอยู่ที่การชงและการดื่มอย่างถูกวิธีด้วยนะคะ
