คาปูชิโน่ (cappuccino) ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่แตกยอดสาขาออกมาจากหนึ่งในรสชาติของกาแฟที่หลากหลาย มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี ให้รสชาติที่มีความนุ่มละมุนในอีกสไตล์หนึ่ง ความหอมกรุ่นของกาแฟที่ผสมผสานกับรสชาติของนมที่ให้ความหวานมันแบบพิเศษในตัวมันเอง มักถูกเรียกว่าเป็นเครื่องดื่มของพระเจ้า จากบาทหลวงที่มีชื่อว่า “คาปูชินส์” อีกทั้งท่านยังชอบการสวมใส่เสื้อคลุมที่มีสีสันเดียวกันกับกาแฟชนิดนี้อีกด้วย
Credit : naturalcloud.co.uk
คอกาแฟกับวัฒนธรรมในการดื่มคาปูชิโน่
สำหรับคนที่รักการดื่มด่ำในกาแฟประเภทนี้ มักจะไม่ค่อยชอบความขมเข้มของเอสเปรสโซ่และกาแฟดำ ทว่ายังอยากได้รสชาติที่ยังคงความเข้มเอาไว้แบบเจอจางไม่ถึงขั้นที่จะลดลงไปจนกลายเป็นกาแฟที่เข้มข้นไปด้วยนมอย่างลาเต้ คาปูชิโน่จึงเปรียบเสมือนทางเลือกแรกๆ ในกลุ่มคนเหล่านี้ วัฒนธรรมของการดื่มมักจะเป็นเครื่องดื่มที่เสิร์ฟพร้อมอาหารหรือขนมปังในมื้อเช้า
Credit : poolprop.com
ความแตกต่างระหว่างคาปูชิโน่กับลาเต้
รสชาติของคาปูชิโน่อาจจะดูคล้ายคลึงกับลาเต้ แต่ความต่างของมันสำหรับคอกาแฟแล้วย่อมรู้ดีว่ากาแฟผสมนมของทั้งสองชนิดนี้มีความแตกต่างกันแม้จะเป็นการผสมระหว่างช็อตเอสเปรสโซ่กับนม กล่าวง่ายๆ คือทั้งสองประเภทของกาแฟจะมี “ฟองนม” อันเป็นเอกลักษณ์เด่น ทว่าหากสังเกตให้ดีจะพบว่า คาปูชิโน่มีปริมาณของฟองนมที่มากกว่า แต่ความเข้มข้นของกาแฟจะมากกว่าลาเต้อีกระดับหนึ่ง ดังนั้นปริมาณนมที่ผสมอยู่ในช็อตกาแฟจึงมีน้อยกว่า ทำให้ยังคงรักษารสชาติของกาแฟได้อย่างเป็นธรรมชาติ บางประเภทของคาปูชิโน่ยังมีการสร้างสรรค์รสชาติเพื่อเพิ่มกลิ่นให้ดูน่าลิ้มลองมากขึ้น ด้วยการโรยหน้าด้วยผงช็อกโกแลต ผงซินนาม่อน หรือผงลูกจันเทศลงไปบนฟองนมด้วย
Credit : rsvpmagazine.ie
หลักในการดื่มกาแฟในสไตล์คาปูชิโน่
ริจะเป็นนักรักกาแฟตัวยง ต้องรู้จักวัฒนธรรมการดื่มและที่ไปที่มาของการสร้างสรรค์ฟองนมบนแก้วว่ามันมีความหมายอื่นใดแอบแฝงอยู่ คนที่ดื่มคาปูชิโน่ไม่เป็น หรือจะเรียกว่าไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายกับการดื่มกาแฟมากนัก พวกเขาอาจจะคนฟองนมที่ถูกตีจนฟูผสมกับน้ำกาแฟชั้นล่างก่อนจะดื่ม…แบบนี้ก็เท่ากับว่าเสียประโยชน์ไปโดยเปล่า เพราะนั่นก็เท่ากับการสั่งกาแฟที่ผสมนมมาดื่มก็เพียงพอแล้ว
แต่สำหรับการดื่มคาปูชิโน่ให้ถูกหลักอย่างแท้จริงนั้น ฟองนมที่อยู่ด้านบนจะต้องถูกจิบไปพร้อมกันกับส่วนของกาแฟด้านล่าง จะช่วยให้เราได้อีกหนึ่งรสชาติของกาแฟที่อร่อยในอีกหนึ่งเสน่ห์อันน่าเย้ายวล ที่สำคัญไปกว่านั้น เมื่อน้ำกาแฟด้านล่างหมดแก้วแล้ว เราจะได้เห็นฟองนมที่คงเหลืออยู่ด้านล่างในบางส่วน แสดงให้เห็นว่าคนชงใส่ใจกับเครื่องดื่มแก้วนี้เป็นพิเศษ หรือจะเรียกพวกเขาให้เป็นบาริสต้าที่มีใจรักเลยก็ว่าได้ ส่วนร้านไหนที่ดื่มไปสักพักแล้วฟองนมเริ่มรวมตัวไปกับกาแฟ นั่นก็ถือว่าเป็นคาปูชิโน่ที่ไม่ได้ถูกใส่ใจ กลายเป็นคาปูชิโน่ที่ไม่ได้มาตรฐานขึ้นมาในทันที
Credit : boreburn.com
วิธีการชงคาปูชิโน่…ให้เป็นคาปูชิโน่อย่างสมบูรณ์แบบ
การชงเริ่มต้นด้วยตัวเครื่องที่เป็นชนิดเอสเปรสโซ่แบบมีท่อไอน้ำ แต่ถ้าหากไม่มีก็สามารถนำนมที่จะเป็นส่วนผสมปั่นในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ก่อนจึงค่อยนำไปผสมกับซ็อตเอสเปรสโซ่ที่เตรียมไว้
โดยอัตราส่วนความเข้มข้นของเอสเปรสโซ่จะอยู่ในระดับ 1/3 ผสมกับนมที่ผ่านการสตรีมแล้วด้วยระบบไอน้ำอีก 1/3 ส่วนด้านบนสุดจะเป็นนมที่ตีจนขึ้นฟองอีก 1/3 ส่วน ลักษณะการตีที่ได้ตัวฟองจะต้องมีความเนียนละเอียดเหมือนโฟม ให้สัมผัสรสชาติที่นุ่มละมุน ก่อนเสิร์ฟสามารถโรยหน้าเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมของผงช็อกโกแลต โกโก้หรือจะเป็นซินนาม่อนก็ได้ตามความชอบ
Credit : romanchristendom.blogspot.com
หัวใจสำคัญของคาปูชิโน่คือ “ฟองนม” ฟองที่ดีจะต้องมีความเนียนละเอียดและแทบจะมองไม่เห็นฟองอากาศภายใน บางครั้งนมที่นำมาใช้ก็ไม่สามารถตีให้ขึ้นเป็นฟองได้ โดยเฉพาะนมที่นำไปใช้ในการชงร่วมกับเอสเปรสโซ่หรือนมที่ผ่านการต้มด้วยระดับความร้อนที่เกินกำหนด ดังนั้นการตีฟองนมจึงเปรียบเหมือนงานศิลปะที่ต้องใช้การสังเกตและจดจำ ผสมผสานไปกับเทคนิคในปัจจัยอื่นๆ โดยเฉพาะในการรักษาระดับอุณหภูมิของนมให้เหมาะสมทุกครั้ง
และในท้ายที่สุดฟองนมจะต้องไม่รวมตัวกับน้ำกาแฟ สามารถลอยตัวอยู่ได้จนกระทั่งน้ำกาแฟในแก้วหมดไป จึงถือว่าเป็นการชงที่สำเร็จผลและกลายเป็นคาปูชิโน่ที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง