นึกถึงกาแฟก็ต้องนึกถึง “คาเฟอีน” เครื่องดื่มกระตุ้นที่จะช่วยสร้างความกระปรี้กระเปร่า ช่วยชาร์ตพลังให้เราได้เต็มที่กับการเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายของการดื่มกาแฟจึงไม่ได้เป็นไปเพื่อความอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ของมันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทว่าเราดื่มกาแฟเพื่อรับเอาเจ้าสารชนิดนี้ให้แทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดและอวัยวะต่างๆ พุ่งตรงไปที่การทำงานของสมองให้เกิดการกระตุ้น จนเกิดการตื่นตัวอยู่ได้หลายชั่วโมงตามความเข้มข้นที่ได้รับเข้าไป
Credit : healthyfoodstar.com
คาเฟอีน สารสำคัญที่พบในเมล็ดกาแฟ
คาเฟอีนตามหลักการจำแนกทางเคมีจัดได้ว่าเป็นสารประเภทอัลคาลอยด์ เรียกว่า 1,3,7 trimethylxanthine ซึ่งเป็นชื่อทางเคมี คาเฟอีนบริสุทธิ์จะเป็นผงสีขาว มีรสชาติขม ไม่มีกลิ่น ละลายได้ในน้ำร้อนและละลายในตัวทำละลายอินทรีย์ได้บ้างเล็กน้อย คาเฟอีนที่พบไม่เพียงมีแค่ในเมล็ดกาแฟเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังพบได้ในพืชจำพวกชาต่างๆ ที่มีรสขมอีกด้วย
Credit : wallpaperspider.com
กลไกการทำงานของกาแฟที่มีผลต่อร่างกาย
หลังจากการดื่มกาแฟ สารคาเฟอีนจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายภายในระยะเวลาประมาณ 30-60 นาที ซึ่งส่วนที่ร่างกายจะดูดซึมคือระบบการย่อยอาหารที่ทำหน้าที่ในการดูดซึมสารอื่นๆ ร่วมด้วย คาเฟอีนจะถูกดูดซึมได้ดีในส่วนของลำไส้เล็กเนื่องจากมีพื้นที่ที่สุด หลังการดูดซึมคาเฟอีนจะถูกลำเลียงส่งต่อไปยังอวัยวะอื่น แพร่กระจายเข้าไปกระตุ้นการทำงานของสมอง ตับและไต
Credit : girlsthings.net
นอกจากนี้ในหญิงมีครรภ์ สารชนิดนี้ยังสามารถส่งผ่านไปสู่ทารกได้จากการดูดซึมผ่านสายรกและน้ำนมแม่ คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรจึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะมันสามารถส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในด้านพัฒนาการได้
สำหรับคาเฟอีนที่พบในร่างกาย เมื่อดื่มเข้าและกระจายตัวไปยังส่วนต่างๆ จะถูกกำจัดออกโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล คาเฟอีนร้อยละ 5 จะถูกกจัดออกโดยมีเอนไซม์จากตับเป็นตัวกรอง ในขณะที่อีกร้อยละ 95 ร่างกายจะสามารถเผาผลาญได้เอง
Credit : rush.edu
ประโยชน์จากการได้รับคาเฟอีนในกาแฟ
สำหรับเหล่านักดื่มที่ชื่นชอบกาแฟเป็นเครื่องดื่มประจำวัน ไม่ว่าจะเช้า เที่ยงหรือเย็น ก็จะมีกาแฟเป็นตัวช่วยสร้างประสิทธิภาพให้ตัวเองได้รู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา จนกลายเป็นพฤติกรรมเคยชิน จนหลายคนรู้สึกว่ามันกลายเป็นสารเสพติดและขาดไม่ได้
การดื่มกาแฟในสัดส่วนที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไปต่อวัน หรือเฉลี่ยวันละ 2- แก้ว คาเฟอีนที่ได้รับจะต้องไม่มากไปกว่า 100 มิลลิกรัม จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า อีกทั้งยังมีสารสำคัญพิเศษทำหน้าที่คล้ายกับสารที่ชื่ออะดีโนซีน คุณสมบัติที่สมองจะมีการหลั่งออกมาได้เอง ทำให้เกิดความรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนตามกลไกของธรรมชาติ ทว่าในการดื่มกาแฟ จะมีสารจำลองชนิดเข้าไปจับกับตัวรับแทน ส่งผลให้สมองเข้าใจไปว่ามีสารชนิดนี้อยู่แล้วจึงไม่เกิดการสร้างขึ้น ส่งผลทำให้ไม่รู้สึกง่วง รู้สึกมีพลัง สดชื่น และกระตือรือล้นมากกว่าเดิม ซึ่งถือว่าเป็นปฏิกิริยาหลักที่ร่างกายจะได้รับและนักดื่มทุกคนก็ทราบกันเป็นอย่างดีกับประโยชน์ของมันในข้อนี้
Credit : wisegeek.com
ส่วนข้อดีอื่นๆ ที่พบ แพทย์ได้มีการนำเอาคาเฟอีนไปใช้สำหรับผู้ป่วยบางกลุ่ม อาทิเช่นในกลุ่มเด็กทารกที่มีปัญหาเรื่องการหายใจหลังการคลอด จะใช้คาเฟอีนในสัดส่วนที่เหมาะสมกระตุ้นให้เด็กกลับมาหายใจได้เอง กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ไปจนถึงการช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์สมอง และในบางรายยังสามารถใช้ในการรักษาอาการปวดไม่เกรนได้อีกด้วย
การดื่มกาแฟไม่ได้มีเพียงแค่ประโยชน์เท่าที่เราพบเท่านั้น ทว่ายังสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกายให้สดชื่นอยู่เสมอ ในกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังดื่มกาแฟเป็นประจำ ยังพบว่ามันช่วยลดอัตราการเสื่อมสภาพของเซลล์สมอง แต่อย่างไรก็ตามประโยชน์เหล่านี้ก็ควรขึ้นอยู่กับการดื่มในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป จึงจะเป็นผลดีต่อร่างกายที่เหล่านักดื่มควรรู้
Credit : youweekly.gr
และเพื่อให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ก็ควรดื่มจากกาแฟสดที่มีส่วนผสมของน้ำตาลและครีมเทียมแต่น้อย เพื่อลดการเพิ่มของคลอเลสเตอรอลและสารปรุงแต่งอื่นๆ ที่อาจจะเข้าไปสะสมกลายเป็นโทษต่อร่างกายตามมานั่นเองค่ะ