กรรมวิธีที่จะทำให้กาแฟแก้วโปรดของคุณ มีรสชาติกลมกล่อมและเจือด้วยกลิ่นอันหอมหวน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงชนิดของอุปกรณ์ที่คุณเลือกใช้ ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณมาดูเคล็ดลับการชงกาแฟให้มีรสชาติดี โดยที่คุณสามารถนำไปใช้กับเครื่องชงกาแฟที่คุณมีอยู่ได้อย่างทันที
Credit : cigmel.com.au
1.เลือกใช้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ
ควรหลีกเลี่ยงการซื้อเมล็ดกาแฟจากร้านขายของชำหรือจากห้างสรรพสินค้า เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่าเมล็ดกาแฟที่คุณซื้อมามีความสดใหม่มากน้อยแค่ไหน โดยทั่วไปเมล็ดกาแฟจะมีอายุสำหรับการเก็บรักษาประมาณ 21 วันนับจากวันที่คั่ว เมล็ดกาแฟที่สดใหม่จะส่งผลทำให้กาแฟมีรสชาติดีและมีกลิ่นหอม คุณอาจซื้อเมล็ดกาแฟจากค๊อฟฟี่ช็อป หรือร้านที่คั่วเมล็ดกาแฟเอง เพราะจะทำให้คุณสามารถตรวจสอบความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟได้จากผู้ขายได้ทันที
2.เก็บรักษาเมล็ดกาแฟอย่างถูกวิธี
การเก็บเมล็ดกาแฟอย่างเหมาะสม จะช่วยรักษาความสดใหม่ให้คงอยู่ได้ยาวนาน ควรนำเมล็ดกาแฟออกจากถุงบรรจุเดิม แล้วย้ายไปใส่ในภาชนะทึบแสงที่อากาศเข้าได้น้อย จะช่วยรักษาคุณภาพของกาแฟให้ยาวนานขึ้น การเก็บไว้ในขวดแก้วที่โปร่งแสง อาจทำให้กาแฟแก้วโปรดของคุณมีรสชาติที่ผิดแปลกไป ควรหลีกเลี่ยงการเก็บเมล็ดกาแฟไว้ในตู้เย็นหรือในช่องแช่แข็ง แต่ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง เพราะการแช่แข็งจะทำให้น้ำมันหอมระเหยในกาแฟเสื่อมสภาพได้ ซึ่งจะส่งผลต่อความเข้มข้นของกลิ่นกาแฟ นอกจากนี้ความชื้นในอากาศจะทำให้เมล็ดกาแฟเก่าได้เร็วขึ้นและมีอายุการเก็บรักษาน้อยลง
Credit : taweechaiclinic.com
3.ไม่ควรใช้ฟิลเตอร์ราคาถูก
แผ่นกระดาษกรองหรือฟิลเตอร์ที่มีราคาไม่สูงนัก อาจทำลายรสชาติและกลิ่นของกาแฟได้ คุณอาจเลือกใช้ฟิลเตอร์ที่ระบุว่า oxygen bleached หรือ dioxin free เพื่อคงคุณภาพของกาแฟ สำหรับการใช้ฟิลเตอร์ที่ทำจากทองคำ นอกจากจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานแล้ว ยังทำให้กาแฟที่คุณชงมีกลิ่นและรสชาติที่ดีกว่าฟิลเตอร์อื่น ๆ แต่การใช้ฟิลเตอร์ทองคำมีข้อควรระวัง เนื่องจากถ้าคุณบดเมล็ดกาแฟละเอียดเกินไป ก็อาจมีเศษผงของเมล็ดกาแฟหลุดลอดจากการกรองได้
4.อุณหภูมิต้องแม่นยำ
น้ำบริสุทธิ์ที่สะอาดเป็นน้ำที่เหมาะสมสำหรับการชงกาแฟที่สุด ความร้อนของน้ำควรจะอยู่ในช่วง 90.5 ถึง 96 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเหมาะสมสำหรับการสกัดน้ำมันหอมระเหยและน้ำตาลคาราเมลจากเมล็ดกาแฟ การควบคุมอุณหภูมิให้เที่ยงตรงอาจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้เครื่องชงกาแฟที่ไม่มีคุณภาพ แม้ว่าการลงทุนซื้อเครื่องชงกาแฟที่มีคุณภาพดี อาจมีราคาของเครื่องที่แพงมากขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับมาโดยเฉพาะรสชาติของกาแฟที่ดีกว่า ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแล้ว
Credit : chandrajeet.com
5.บดเมล็ดกาแฟอย่างเหมาะสม
กรรมวิธีและระดับของความละเอียดในการบดเมล็ดกาแฟ ควรเลือกตามชนิดของกาแฟที่ต้องการดื่ม ผงกาแฟที่หยาบจะเหมาะกับการชงกาแฟแบบเฟรนช์เพรส แต่ในกรณีของเครื่องชงกาแฟแบบดริป คุณอาจต้องบดเมล็ดกาแฟให้ละเอียดมากขึ้น เมื่อนำนิ้วไปขยี้กับผงกาแฟที่บดแล้ว คุณควรรู้สึกเหมือนกำลังใช้มือขยี้แผ่นขนมปังกรอบ แต่ถ้าเป็นการชงกาแฟเอสเปรซโซ่ ผงกาแฟควรมีความละเอียดอยู่ระหว่างน้ำตาลทรายกับผงน้ำตาลไอซิ่ง นอกจากนี้ควรเลือกใช้เครื่องบดแบบ burr grinder เนื่องจากจะเกิดแรงเสียดทานต่ำกว่าเครื่องบดทั่ว ๆ ไป จึงช่วยลดปัญหาผงกาแฟไหม้เกรียมในขณะบดได้
6.ทำความสะอาดอุปกรณ์อยู่เสมอ
ภาชนะทุกชิ้นรวมถึงเครื่องบดเมล็ดกาแฟควรทำความสะอาดทุก 2-3 สัปดาห์ การทำความสะอาดจะช่วยล้างสิ่งสกปรกที่สะสม โดยเฉพาะคราบไขมันที่ติดอยู่ สำหรับเครื่องชงกาแฟ อาจทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยใช้ส่วนผสมของน้ำกับน้ำส้มสายชู หรือน้ำยาทำความสะอาดชนิดพิเศษ เพื่อช่วยล้างตะกรันของแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ตกค้างอยู่ในเครื่อง
เราหวังว่าคำแนะนำดังกล่าวในข้างต้น จะสามารถช่วยทำให้คุณได้ดื่มกาแฟที่ไม่เพียงแต่จะมีกลิ่นที่หอมชวนดื่ม แต่ยังมีรสชาติที่เข้มข้น และช่วยทำให้คุณสดชื่นได้ตลอดทั้งวัน